อากาศที่นี่ยังคงหนาวขึ้นทุกวันๆ ทำให้กิ๊กนั้นนอกจากจะน้ำมูกไหลเยิ้มถี่ขึ้นแล้ว ยังโหยหาไออุ่นจากของกินร้อนๆ ตลอดเวลา ลางไม่ดีเอาซะเลย
ป้าจุงโกะมาส่งพวกเราเที่ยวถึงที่ แถมยังทำข้าวปั้นมาให้ด้วย กิ๊กกับซายะจังเดินกินข้าวปั้นกันปากสั่นแหงกๆ พวกเราเดินจากสถานี Kichijoji ประมาณ 10 นาทีก็ถึง Ghibli Studio คนเดินเข้าออกเต็มไปหมด ทั้งที่กว่าจะเข้าชมได้ต้องผ่านการจองตั๋วล่วงหน้า 1 เดือน ซึ่งจำกัดคนจำกัดรอบแล้วด้วยนะ…
สองนางย่างกราย
คิว คิว และ คิว!
กิ๊กกับซายะจังเดินชมกันอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะเป็นครั้งแรกของเราทั้งคู่ (ส่วนป้าจุงหนีกลับไปแล้ว) สตูดิโอน่ารักมาก มีทั้งหมด 3 ชั้น ใครอยากจะเดินตรงไหนก็เดิน ไม่มีลูกศรชี้ตายตัว และยังมีห้องชมภาพยนตร์ซึ่งจะมีหนังสั้น 15 นาทีของ Ghibli ฉายอยู่ด้วย
บรรยากาศสตูดิโอชวนฝันแบบลึกลับมากเหมือนจะมีแม่มดหรือสัตว์ประหลาดโผล่มาให้พรหรือเล่นงานได้ทุกเมื่อเลย เสียดายมากที่เขาไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปเก็บไว้ เราเลยได้แต่ยืนเก็บรายละเอียดด้วยความจำให้ได้มากที่สุด ยกเว้นโซนภายนอกที่ได้ถ่ายรูปกับหุ่นรูปปั้นด้านนอกเก็บมาบ้าง มีร้านขาย Snack ให้เราแวะกินฮอทดอกกับซุปร้อนๆ เล็กน้อย
รูปคู่กันหน่อย ^^
ขากลับซายะจังซื้อหนังสือรวมภาพเบื้องหลังของ Wind Rises ไป ส่วนกิ๊ก… ซื้อโปสการ์ดละกัน… (ด้วยความขี้งก) แต่ดูซะก่อน โปสการ์ดของเค้าก็สวยจริงๆนะ 😛
งามไหมล่ะ!
หลังจากชมสตูดิโอเสร็จ พวกเราก็เดินทางกลับสถานี ซายะจังเป็นคนนำทางที่ดีตามที่คิดไว้เลย… ขามาป้าจุงพาเดินมา 10 นาที เธอซัดไปครึ่งชั่วโมงเรายังมองไม่เห็นโซนเมือง 5555 (แต่น่ารัก ให้อภัยได้ -w-”) พอถึงสถานี ซายะจังก็ซัดเค้กไปก้อนนึง ต่างกับกิ๊กที่ยังต้องการของร้อนมาทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นอีก (ข้ออ้างชัดๆ !) เลยซัดซุปกับสลัดไปนิดหน่อย
ระหว่างสวาปามเราก็นั่งคุยกันเล็กน้อย กิ๊กก็เล่าให้เธอฟังว่าชอบเล่นดนตรี ปกติอยู่เมืองไทยเล่นเพอร์คัสชั่น บังเอิญมาก ซายะจังบอกว่า เธอก็เล่นกีต้าร์เหมือนกัน! เคยทำวงกับเพื่อนสมัยเรียนด้วย มีอยู่ 2-3 เพลง! ไอ้เราก็ตกใจ โอ้โหอะไรจะบังเอิญปานนี้ ซายะจังเลยบอกกิ๊กว่า มาๆ เดี๋ยวพาไปดูร้านขายเครื่องดนตรี (เสร็จโจ๋ล่ะ! :D)
และที่โคตรบังเอิญอีกอย่างคือ วันนี้วงเพื่อนของเธอเล่นไลฟ์สดที่ไลฟ์เฮ้าส์ในชินจูกุด้วย! เดี๋ยวจะพาไปดูด้วยกันตอนดึกๆ ! โอ๊ย รู้สึกโชคดีเกินจะกล่าวเป็นคำพูดได้! ^^
หลังจากนั้นเธอก็พากิ๊กเข้าไปดูร้านดนตรีประมาณ 2-3 ร้าน เราก็รีบถ่ายเก็บเครื่องที่ราคาน่าสนใจมาตัดสินใจ ลองนู่นลองนี่เรื่อยเปื่อย เพอร์คัสชั่นที่นี่ช่างล่อตาล่อใจ มียี่ห้อที่ไม่มีขายที่ไทยเต็มไปหมด โคตรตื่นเต้น! *0*
คาฮองเรียงราย
ของเล่นมากมี
ปรากฎว่าเวลาเหลือเฟือมาก เธอเลยเสนอว่าไปเดินคาบูกิโจวกันดีกว่า (ย่านชื่อดังเรื่องมั่วสุม) ต้องเดินผ่านพอดี เวลานี้ไม่อันตรายหรอกจะได้เปิดหูเปิดตาด้วย กิ๊กก็ไม่ลังเลเลย ตอบตกลงทันที อยากเห็นมานานแล้วโฮสต์เนี่ย 5555
ปรากฎว่าพอไปถึง สองข้างทางเต็มไปด้วยป้าย มีเอาหน้าคนนู้นคนนี้มาโปรโมทบ้าง แต่ที่น่ากลัวคือ มีพวกชายหนุ่มหน้าเข้มๆ มีหนวดเหมือนตัวร้ายในหนังยืนอยู่หน้าร้านทุกร้านเลย! บางร้านมีคนนึง บางร้านมีสามสี่คน ยืนสูบบุหรี่แล้วก็มองหน้าทุกคนที่เดินผ่าน O_o! ซายะจังบอกกิ๊กว่าเขาต้องคอยยืนเรียกลูกค้าหน้าร้าน… แต่หน้าพวกพี่แม่งไม่รับแขกกันเลยนะคะ!
(ซายะจังบอกว่า ห้ามบอกป้าจุงนะว่าพามาดู จุ๊ๆ)
กิ๊กแอบถ่ายบิลบอร์ดบอกอันดับโฮสต์มาอันนึงเห็นว่าน่ารักดี มีเรียงลำดับความฮอตของแต่ละคน แล้วยังบอกประเภทด้วยว่า Radio, Gently, Genrise คือ Gently เนี่ยเข้าใจว่าน่าจะสุภาพ แต่ Radio กับ Genrise นี่คือชอบร้องเพลง กับชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นรึเปล่านี่ไม่แน่ใจ…
เบอร์ไหนดีหว่า~? ><
เท่าที่ไปสืบมาเพิ่มเหมือน Radio, Genrise, Gently จะเป็นชื่อสังกัดคลับที่โฮสต์แต่ละคนอยู่ เหมือนคลับเหล่านี้จะอยู่ภายใต้เครือเดียวกัน เลยทำบอร์ดเดียวรวมดาวซะเลย จะเห็นได้ชัดว่ามันจะมีทรงผมเฉพาะของคนที่เป็นโฮสต์ คือถ้าทำทรงประมาณนี้เอ็งเป็นโฮสต์แน่นอน
เดินผ่านสองซอยอย่างรวดเร็วจนน่าเสียดาย (เอ๊ะ! ยังไง!? 555) ซายะจังให้คำมั่นหมายกับกิ๊กไว้ว่า วันหลังเธอจะพาเราไปเดินเล่นซอยเกย์ซึ่งไม่เป็นอันตรายกับผู้หญิงหรือชะนีหน้าไหนเลย 555
แอบมีภาษาไทยกับเอ็มวีไทยเปิดหน้าร้านเบาๆ ดูซิ ขายอะไรบ้าง…
ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง ไลฟ์ของเพื่อนเธอที่แสดงวันนี้แสดงที่ไลฟ์เฮ้าส์แถวชินจูกุ มีวงเล่นทั้งหมด 4 วง เพื่อนของเธอเป็นนักร้องวงที่สอง ค่าเข้าหน้างาน 2500 เยนแถมฟรี 1 ดริ้งค์ เราเลยจัดกันไปคนละแก้ว เวทีแสดงไม่ใหญ่ แคบด้วยซ้ำ แต่ Light&Sound มาเต็มมากๆ ค่ะ โซนคนดูก็ไม่กว้างอะไรเลยเหมือนเอาเวทีมาก๊อปวางต่อกัน 2 อัน แต่เราว่ามันก็ลงตัวดี คล้ายกับที่เราเคยเห็นในหนังซีรี่ย์ญี่ปุ่น หรือในการ์ตูนอย่าง BECK
โซนคนดู มีนั่ง มียืน มีชั้นสอง
พอดูแล้วเริ่ดค่ะ ปลื้ม Light มากเป็นพิเศษ ดูแล้วเค้าคิดมาหมดแล้ว แค่ท่อนส่งนิดเดียวยังมีการเล่นแสงสั้นๆ ใส่ใจทุกรายละเอียด มีการสลับไฟพร้อม Unison บ้างเป็นบางช่วง คนดูก็น่ารักมากเลย แต่ละวงเล่นเพลงของตัวเอง ไม่ใช่เพลงดัง คนดูส่วนใหญ่ก็ดูไม่ได้รู้จักเพลงหรือวงมาก่อน แต่พวกเขาก็ดูจอยกับโชว์ได้อย่างสนุกสนานและไม่เก็บอาการ รู้สึกว่าคนดูที่นี่ให้เกียรติคนที่แสดงอยู่บนเวที และสนุกกับเสียงดนตรีโดยไม่ต้องมีชื่อเสียงมาผลักดัน
พอมาเปิดดูตาราง ไลฟ์เฮ้าส์ที่นี่มีโชว์ให้ดูทุกวันเลยเว้ยเฮ้ย ไม่ซ้ำกันซักวงด้วย ดูแล้วก็แปลกใจว่าเอาเวลาที่ไหนไปเซ็ทไฟเซ็ทเวทีให้มันลงกับแต่ละท่อน ท่อนส่ง ท่อนลอย ท่อนปล่อย ทุกอย่างมีอารมณ์และ Movement ของมันพอดิบพอดี คือพี่ใช้เวลาที่ไหนเรียนรู้และทำงานเนี่ย?! เราว่าเค้าต้องทำการบ้านสำหรับแต่ละคืนมาเป็นอย่างดีแน่ๆ
ส่วนวงที่มาเล่นวันนี้โคตรงงเลย คนละแนวกันหมด วงแรกนักร้องแม่งโคตรบ้า เป็นผู้หญิงใส่ชุดนอนคลุมยาวออกมาร้องเพลงปาวๆ แล้วเจ๊แกจะชอบทำหน้าหาวเหมือนปลาทอง อ้าๆ หุบๆ ม้วนตัวขึ้นลงทุกครั้งที่ไม่ต้องร้อง หรือไม่ก็หยิบนกหวีดห้อยคอขึ้นมาเป่าราวกับร่วมม็อบอยู่ที่ไทย บางเพลงถึงขนาดลงไปกลิ้งกับพื้น เรียกได้ว่านอกจากจะเล่นเป๊ะ เพอร์ฟอร์มยังเกินร้อย
คนคลั่ง ไฟก็คลั่งด้วย
ส่วนวงของเพื่อนซายะจังเป็นวงร็อก แต่เราดูแล้วไม่ค่อยอินแฮะ คนดูคนอื่นก็เหมือนกัน เหมือนเพอร์ฟอร์มของนักร้องยังเอาไม่อยู่ (แต่นักดนตรีเล่นเป๊ะเล่นแน่นมากนะ) เวลาช่วงจบของแต่ละเพลงยังค้างเติ่งเบาๆ ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนลังเลว่าจะตบมือดีป้ะวะ มันจบแล้วแน่หรือ?
จนนักร้องต้องออกมาพูดใส่ไมค์ว่า “ขอบคุณครับ” ทุกครั้งหลังเพลงจบเพื่อให้คนดูปรบมือให้ อาจจะไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็ช่วยแต่งเติมสีให้คืนนั้นไปอีกแบบ เรารู้สึกว่าเราเองและคนดูทุกคนก็พยายามเอาใจช่วยพวกเขาอยู่ด้วย
คนนี้แหละที่พวกเรามาดูกัน
มาถึงวง Headline ของวันนี้ มีทั้งหมด 2 วง วงแรกชื่อ Nameshop เป็นวงร็อกสาดๆ ที่เพอร์ฟอร์มสนุกดี พี่แกอินดี้มากจัดเวทีหันหน้าเข้าหากันเอง (ไม่คิดจะให้เราเห็นหน้ากันเลยใช่มะ!) แล้วยังมีผู้หญิงใส่หมวกจิตรกรแบบไจโกะมานั่งหันหลังอยู่หน้าสุดคอยวาดรูปประกอบการแสดง
ชอบนะ เพลินดี คือไม่ได้วาดตามอารมณ์เพลงไปเรื่อยๆ อย่างที่เคยเห็นคนอื่นทำมาก่อน ดูคิดมาแล้วมาต้องวาดอะไรที่โน้ตตัวไหน มีการฟาดพู่กันเป็น Unison อย่างพร้อมเพรียงกัน ดูเป็นส่วนหนึ่งของวงจริงๆ แถมภาพที่วาดออกมาก็โคตรสวย มือเบสวงนี้เป็นผู้หญิง ตัวเล็กน่ารักมาก >///<
แถมพวกคุณๆ เหมือนคิดโชว์มารวบจบ ไม่มีรอยต่อหรือการหยุดคั่นเพลงระหว่างการเล่น เหมือนไม่ได้กะให้เราตบมือให้หลังจบเพลงเลย คนดูอินกันมาก จนโชว์จบจริงๆ ตอนม่านปิด คนดูจึงลุกขึ้นมาปรบมือให้
วงสุดท้ายนี่นักร้องเหมือนพี่เท็น Musketeers โคตร มีเพอร์ฟอร์มน่ารักๆ ก่อนเริ่มการแสดงด้วย ตอนเปิดม่านมา โปรเจคเตอร์ฉายฉากหลังเป็นป่า นักร้องนอนอยู่กลางเวที ซักพักก็ทำตื่นขึ้นมามองรอบๆ เดินไปเดินมาเหมือนหลงป่าแล้วค่อยๆ หยิบกีต้าร์ขึ้นมาร้องเพลง ซักพักมือคีย์บอร์ดกับมือกลองก็ค่อยๆ หลงป่าเข้ามากันทีละคน
รู้สึกจะชื่อวง Uqiko (ยูกิโกะ) นักร้องนักดนตรีจากวงก่อนๆ ที่เล่นไปแล้วเดินออกมานั่งดูกันอย่างตื่นเต้น วงนี้พี่แกชอบเล่นลูปเป็นพิเศษ ก็เพลินดีนะ เป็นวงญี่ปุ่นที่ทำเพลงเป็นภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่ แม้เนื้อร้องจะสั้นๆ ไม่ค่อยสื่อความหมายอะไร แต่สะกดคนดูอยู่ทั้งโชว์ เอิ้ก
โดยรวมประทับใจนะ เป็นไลฟ์ที่สนุกและแปลกดี แต่ละคนไม่ใช่ศิลปินอะไรโด่งดังใหญ่โตแต่ดูมีแนวทางของตัวเองชัดเจนดีจัง ตอนเดินออกนี่เห็นได้ชัดเลยว่าส่วนใหญ่คนที่มาดูก็เป็นคนรู้จักของพวกเขานี่แหละ (เหมือนซายะจังที่มาดูเพื่อนเธอเล่น)
กิ๊กก็ได้เจอเพื่อนเธออีกคนชื่อมายุจัง เป็นเพื่อนร่วมรุ่นมัธยมของซายะและนายนักร้อง เธอเป็นนักร้องและมือเบสวงเก่าของซายะจังที่ทำเพลงด้วยกัน แต่ตอนนี้แยกมาทำวงของตัวเองอยู่ (โคตรนั่ลลัคคคค ร้องไป เล่นเบสไป เขิลล์ >///<)
ซายะ กับ มายุ
กลับบ้านมาดูคลิปของแต่ละวงในยูทูป 2 วงหลังนี่มียอดวิวกันประมาณ 5-6 พันเอง! ตกใจมาก เพราะทุกวงแลดูจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองทำ ทุกวงล้วนเล่นเพลงของตัวเองในโชว์ที่คงรวมออกมาได้หลายอัลบั้ม MV ก็ดูออกว่ามีโพรดักชั่นทำกันจริงจัง คิดแล้วก็แปลกใจ ที่ญี่ปุ่นนี่มีวงที่ถูกทิ้งร้างอย่างงี้อยู่อีกขนาดไหนกัน?
ตอนกลับนักร้องวงสุดท้ายมายืนชวนคนดูทีละคนด้วยตัวเองให้ไปดูไลฟ์ที่เขาจะเล่นให้ชมฟรีในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
เป็นศิลปินนี่มันต้องดิ้นรนจริงๆ ให้ตายสิ…
นั่นปะไร
ดูแล้วก็ได้แต่หันมามองตัวเอง
แล้วก็… แวะกินราเมงอีกชาม
(.___. “)