เกรียนไทยไปญี่ปุ่น EP.5&6 : หิมะอยู่ไหนใน Kanazawa?

เกรียนไทยไปญี่ปุ่น EP.5&6 : หิมะอยู่ไหนใน Kanazawa?

ตื่นมาขึ้นรถไฟแต่เช้าตรู่ รถไฟญี่ปุ่นตอนเช้านี่ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าวุ่นวาย แล้วก็เป็นเช่นนั้น คนอัดกันมากขึ้นทุกสถานี การยืนในรถไฟที่นี่ตอนเช้าไม่จำเป็นต้องพิงเสาหรือหาที่เกาะใดๆ เพราะเราจะถูกบีบอัดแน่นอยู่ในรถไฟจนเคลื่อนไหนไม่ได้ไปเอง ไม่รู้เป็นเพราะอากาศหนาว ความง่วง หรือเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้า กิ๊กมึนจนแทบเป็นลมเดี้ยงอยู่ในนั้น

สำหรับกิ๊กแล้วมันเป็นการขึ้นรถไฟที่ทรมาณที่สุดเลยก็ว่าได้

พอไปถึงสถานีเราก็พบกับซายะจัง กิ๊กโบกมือลาป้าจุงเพื่อออกเดินทางไปต่อที่ Kanazawa เราขึ้นชินคันเซ็นกันไปประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วไปต่อรถไฟสองชั่วโมงครึ่งก็ไปถึงพอดี เป็นรถไฟที่นิ่งมากทั้งคู่ เพราะกิ๊กหลับเพลิน มีแว๊บๆ เห็นวิวบ้างก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราเป็นช่วงๆ

ชินคันเซ็นสองชั้น !! >< !!

พอมาถึงคุณยูคิลูกพี่ลูกน้องป้าจุงก็มารับ เธอมีลุคสไตล์แม่บ้านญี่ปุ่นชัดเจน น่ารักมาก คุณยูคิบอกว่าวันนี้จะพาเราไปตลาดปลาแล้วกลับบ้านพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยเที่ยว เพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกแน่ๆ เราก็แอบหงอยเบาๆ อุตส่าห์มาถึงแล้วทั้งทีแต่ไม่ได้เที่ยวเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ เราบังคับดินฟ้าอากาศไม่ได้นี่นา… 🙁

ตลาดปลาที่ Kanazawa เจ๋งมาก กิ๊กได้ชิมหอยเม่นสดจากเปลือกเปล่าๆ โดยไม่มีโซยุ รสชาติหวานอย่างน่าแปลกใจ เราสามารถใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาเป็นชิ้นๆ ได้โดยไม่เละ มันลื่นๆ อยู่ในปาก ก่อนจะละลายลงคอไป เป็นรสชาติที่สุดยอดมาก สุโก้ย!! แม้จะกลืนลงไปแล้วแต่รสหวานๆ ยังอบอวลอยู่ในปากอยู่ซักพักเลย! >_<


หอยเม่นสดๆ 500 เยน !


ซายะ กะ อุนิ :3

หลังจากนั้นคุณยูคิก็ซื้อโครอกเกะให้เราคนละก้อน เป็นไส้ฟักทองชีส หวานนุ่มลิ้นแถมยังอุ่นๆ เหมาะกับอากาศหนาวเหน็บอย่างนี้เป็นที่สุด


ชีสเยิ้มเยิ้มมมมมม


ปูววววววว!!!

พอถึงบ้านเราก็ได้พบกับสมาชิกครอบครัวที่น่ารักทั้งสาม สามหนุ่มสามมุมตัวเล็กน่ารักมาก บ้านคุณยูคิเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นเหมือนในการ์ตูนเรื่องโดราเอมอนเปี๊ยบ แต่มีพื้นที่กว้างขวางกว่าบ้านญี่ปุ่นปกติ ดูเป็นบ้านมีฐานะพอสมควร แถมยังมีโต๊ะโคททัตสึอันเบ้อเริ่มด้วย! (ตื่นเต้นเฟร่อ)

ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น

คุณยูกิเตรียมซาชิมิให้เรากิน ควบคู่กับอาหารจานเด็ดของเมือง Kanazawa ที่ชื่อว่า “โทริยาไซ่” แปลว่า “ไก่กับผัก” เป็นหม้อต้มซุปไก่รวมกับผัก กินคู่กับไข่ดิบ เมื่อกินจานนี้เสร็จเขาก็จะเอาไปใส่เส้นราเมงเพิ่ม กลายเป็นอาหารอีกชามหนึ่ง เรากินกันจนอิ่มแล้วก็เข้านอน


นี่แค่จานเล็กเท่านั้น !!


โทริยาไซ่ฝีมือคุณยูกิ


อย่างกะห้องโนบิตะแน่ะ ><

****

เช้าวันใหม่เราก็ได้เวลาออกลุย Kanazawa อย่างจริงจัง เห็นเค้าว่าวันนี้หิมะจะตก กิ๊กตื่นเต้นมาก อยากเห็นหิมะเป็นๆ มานานแล้ว!! (เคยเห็นแต่กองหิมะบนพื้น) แต่ปรากฎว่าฝนตก… เมื่อวานก็ทีละ แค่นี้เราจะยอมให้เป็นอุปสรรคของเราไปตลอดไม่ได้ เราเลยออกเดินทางท่ามกลางสายฝนซะเลย! ซึ่งก็มีตกบ้างหยุดบ้างเป็นระยะทั้งวัน นี่ถ้ายอมแพ้ฝน ทั้งทริปคงไม่ได้ทำอะไรกันพอดี

ที่แรกที่ไปถึงเลยก็คือ วัด Myoryuji หรือมีชื่อเล่นว่า Ninja-dera (วัดนินจา) เมื่อวานตอนว่างๆ กิ๊กแอบศึกษาประวัติของวัดมาก่อนแล้ว เพราะอ่านไปอ่านมามันสนุกดี คือจริงๆ แล้ววัดนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนินจาแต่อย่างใด แต่ที่มันชื่ออย่างงี้เพราะมีกับดับอยู่เต็มวัดไปหมด!


วัดนินจา

เหตุมันเกิดจาก ท่านลอร์ดมาเอดะ โทชิทสึเนะ สร้างวัดนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นวัดสำหรับสวดมนต์ส่วนตัว (โอ้โห จุดประสงค์ดีงาม) แล้วไม่รู้ว่าคุณลอร์ดนี่ศัตรูเยอะรอบทิศหรือเป็นคนขี้ระแวงมหาศาลเลยสร้างกับดักและห้องลับไว้เต็มบ้าน!

ถ้ามองจากภายนอกเราจะเห็นแค่ว่าก็วัด 2 ชั้นธรรมดาทั่วไป เพราะสมัยนั้นมีกฎหมายห้ามสร้างวัดเกิน 2 ชั้น แต่วัดนี้หาธรรมดาไม่… 2 ชั้นที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตา! ภายในนั้นจริงๆ แล้วมี 4 ชั้นใหญ่ ซึ่งแตกได้อีกเป็น 7 ชั้นย่อยด้วยกัน!! O_O

เดินเข้าไปปุ๊บนี่มีกับดักเรียงอยู่ข้างหน้าเลย คือถ้าไม่รู้จักดีเดินเข้าไปก็จะตกลงไปในหลุมลึก 2 เมตรกว่าๆ และยังมีประตูลับที่มีกลไกซ่อนอยู่ในกำแพง ไหนจะบันไดลับขึ้นไปห้องสวดมนต์ลับของพี่แกอีก เห็นวัดเล็กๆ อย่างงี้แต่มีบันได 29 แห่ง และห้องอีก 23 ห้องด้วยกัน

ดีที่มีไกด์นำทางนะ เพราะถ้าเราเดินเข้าไปเองอาจตกหลุมกับดักอยู่ไหนซักแห่งหาทางออกไม่เจอก็เป็นได้ แต่น่าเสียดายเค้าห้ามถ่ายรูปข้างไหนอีกแล้ว กิ๊กเลยลองหารูป Reference จากในเนตมาเพิ่มให้ชมกันค่ะ


บันไดปลอมล่อให้ศัตรูร่วงลงไป credit : http://www.atlas-japantour.com/


ทางใต้ดินลับ credit : http://m0miji.blogspot.jp/

ระหว่างที่อยู่นอกวัดจู่ๆ ก็มีเสียงแกร๊กๆ ดังขึ้นจากบนหลังคาเต็มไปหมด พอเรามองดีๆ เฮ้ย ก้อนขาวๆ ร่วงลงมา นี่หิมะใช่มั้ยเนี่ย?! กิ๊กตื่นเต้นสุดขีดกระโดดลงไปหาเลย พอกระโดดออกไปเท่านั้นแหละ กลายเป็นเสียงเปรี๊ยะๆ บนหัวกิ๊กแทน

เวรรรรรร… เจ็บเลย นี่ไม่ใช่หิมะ แต่มันคือน้ำแข็งก้อนจิ๋วกระแทกเต็มหัวเลย

ไม่รู้เรียกลูกเห็บรึเปล่า แต่โคตรเจ็บเลยอ้ะ !! TT^TT


นี่ไงตัวเจ้าปัญหา!


เอาหิมะของเราคืนมา T^T

คุณยูคิบอกว่าก้อนเล็กแบบนี้เรียก “อาราเระ” ถ้าก้อนใหญ่กว่านี้เรียก “เคียว” แต่ไม่ใช่หิมะหรอกนะ เราก็เศร้าเลย รอดูหิมะตกมานาน เป็นไงล่ะ เจ็บตัวเลย ชิ…

จบจากที่นี่เสร็จ เราก็ไปสวน Kenrokuen Garden กันต่อ คือสวนมันสวยมากเลย อยากจะมองให้เต็มตากว่านี้ ถ้าฝนจะไม่ตกหนัก ลูกเห็บลูกหาบไม่กระเด็น ลมไม่ปะทะหน้าเย็นยะเยือกแบบนี้

รู้สึก 300 กว่าเยนที่คุณยูคิออกให้เราทั้งคู่ไม่ค่อยจะคุ้มค่า เพราะแค่เดินไปมาไม่ถึง 10 นาทีพวกเราก็ต้องวิ่งหาที่หลบกันซะแล้ว พวกเราเลยไปแวะพักกินโมจิถั่วแดงกันที่ร้านแถวๆ นั้นกัน


แชะซักรูปกับคุณยูคิ ^^


โมจิ ฮ้อน ฮ้อน~

ที่ต่อไปที่เรามา คือสวรรค์… สวรรค์จริงๆ นะ สำหรับหน้าหนาวอย่างงี้

คุณยูคิขับรถพาเรามาถึงออนเซ็น มาถึงทุกคนก็ถอดอย่างรวดเร็ว กิ๊กเคยไปออนเซ็นที่ไทยมาแล้ว ที่ไทยต่างกับญี่ปุ่นอยู่อย่าง 2 อย่าง หนึ่งคือ คนไทยอาย ไม่กล้าเปิดของตัวเอง ต้องมีผ้าคาด สองคือ ชอบส่อง ใครเดินเข้ามา หุ่นเป็นไง อกใหญ่มั้ย ต้องแอบส่องเล็กน้อย ที่ญี่ปุ่นเค้าไม่เป็นกัน คนที่ทำดูจะเสียมารยาทด้วยซ้ำ

ตัวกิ๊กเองเฉยๆ กับเรื่องอายนะ (หน้าไม่อายจริงๆ 555) ส่วนเรื่องส่องนี่มีบ้าง 55555 แต่พอเข้าไปปุ๊บ ก็เปลี่ยนความคิดทันที มีแต่คนแก่เต็มออนเซ็น ไม่รู้จะส่องทำไม จบ -_-”

วันนี้เรากลับมาซะเร็ว บ่ายสี่ก็กลับมาและ กิ๊กก็ไม่ได้ทำอะไร หลับคาโต๊ะโคททัตสึ อาห์… โต๊ะนี้นี่มันสวรค์ของหน้าหนาวจริงๆ นะ ตื่นมาก็กินอาหารที่คุณยูคิทำให้ เด็กน้อยเคนเซช่วยทำแพนเค้กให้พวกเรากินด้วย น่ารักจริงๆ


เคนเซคุงทำแพนเค้กอย่างมุ่งมั่น


อาหารเย็นวันนี้


รูปรวมก่อนจาก

ต้องขอบคุณครอบครัวคุณยูคิมาก น่ารักทุกคนเลย ต้อนรับกิ๊กกับซายะจังอย่างดีทุกอย่าง ขอบคุณมิตรภาพดีๆ สำหรับสองคืนที่ผ่านมานี้ ถึงจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารบ้างแต่ทุกคนก็พยายามใช้ Google Translate คุยกับกิ๊ก 5555 ขอบคุณจริงๆ

หลังจาก 2 วันที่ Kanazawa ถ้าเปรียบเทียบแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองที่เงียบสงบมากต่างจากโตเกียวลิบลับ จะไปไหนก็ไม่สะดวกเท่าที่นั่น ไม่ได้มีรถไฟให้ไปเที่ยวส่องนู่นนี่เหมือนเคย จะไปไหนต้องติดรถเขาไปเท่านั้น ไม่ค่อยมีสิ่งล่อตาล่อใจ
รวมกับความหนาวที่โคตรเข้มข้น กิ๊กเริ่มจะสงบไปจนถึงขั้นเหงาบ้างแล้วสิ เริ่มมีอาการคิดถึงบ้านเกิดขึ้น หรืออาจจะอยู่ไกลบ้านมา 6 วันแล้วก็ไม่รู้…

คิดถึงภาษาไทย
คิดถึงดนตรี
คิดถึงเปอร์คัสชั่น
คิดถึงนู่นนี่

เวิ่นเว้อซักพัก ก่อนจะพยายามนอนอย่างจริงจังซึ่งมักกินเวลา 1 ชั่วโมงกว่าจะสำเร็จ

จบ.
ฟุ้ง.
ไหนหิมะ.

T^T