หลังจากห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนาน กิ๊กกลับมาแล้วค่ะ 555 พร้อมกับคอลัมน์ใหม่ใน FOOFOO “รีวิวหลังกลอง” เป็นพาร์ทที่อยากจะรีวิวคอนเสิร์ต แต่ไม่ใช่ในมุมคนฟัง เป็นมุมของคนเล่นแทน
เพราะหลายครั้งที่ได้ไปมีส่วนร่วมเล่นคอนเสิร์ต ก็รู้สึกได้รับความประทับใจในเรื่องราวเบื้องหลังจนอยากจะถ่ายทอดออกมาค่ะ ดังนั้นอาจจะเกริ่นไว้ก่อนว่าบทความนี้ จะเน้นเรื่องของ “คนเบื้องหลัง” ซะเป็นส่วนใหญ่นะคะ 🙂
Once Upon a Time กาลครั้งหนึ่งลุลามาแล้ว
มาเข้าเรื่องคอนเสิร์ตนี้กันบ้าง “LULA First Solo Concert : Little Miss Lullaby” นั้นเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของพี่ลุลาหลังจากอยู่ในวงการมา 10 ปี กิ๊กมีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่ลุลามาก่อน (แบบห่างๆ) ในรายการ The Voice Kids Thailand 2 ซีซั่น
ซึ่งพี่ลุลาเป็นโค้ช และมีพี่ฟั่น-โกมล บุญเพียรผล (คนอ้วน) เป็น Music Director ส่วนตัวกิ๊กเป็นมือเพอร์คัสชั่นแบ็คอัพ
วันหนึ่งพี่ฟั่นโทรมาถามเสียงเกรียนๆ ตามปกติ “เฮ้ย กิ๊กกี้ สนใจเล่นคอนเสิร์ตพี่ลุลามั้ย ซ้อมช่วงปลายเดือนนี้นะ“ พี่ฟั่นบอกเป็นงานของป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม ซึ่งกิ๊กดี๊ด๊ามากที่จะได้ร่วมงานกับไอดอลอีกคนในวงการดนตรี!
ไม่ต้องรอถามคิวจบ กิ๊กก็ตอบตกลงทันที แล้วไปเครียดทีหลังว่าจะลางานอย่างไรให้มาซ้อมได้เต็มที่ 55555
ต้องอธิบายก่อนว่า ปกติเวลาซ้อมคอนเสิร์ตใหญ่มักจะมีการวางตารางคิวซ้อมกันในช่วง Day time หรือกลางวัน เพราะช่วงกลางคืนนักดนตรีบางคนก็มีงานเล่นอยู่แล้ว บางคนเล่นร้าน บางคนมีเล่นดนตรีกับศิลปินท่านอื่น ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์อีนี่ก็สบายไป
ถ้าเป็นวันปกติ ชีวิตมนุษย์เงินเดือนแบบเรา ยากแน่นอน ก็ต้องจัดสรรวันลาพักร้อนให้ดี เพื่อแพสชั่นทางดนตรีของเรา (ตอนนี้เป็นฟรีแลนซ์แล้วค่ะ รับงานได้ตลอด #ฝากร้าน 55555)
หลังจากนั้นไม่นานพี่ออยแห่งวง Budokan (มือขวาสุดสวยของพี่ฟั่น) ก็ส่งเดโม่มาให้ฟังว่ามีเพลงอะไรบ้าง แล้วทาง Music Director Arrange เพลงเหล่านั้นเป็นแบบไหน แน่นอนว่าคอนเสิร์ตใหญ่ทั้งที ทุกเพลงต้องพิเศษกว่าที่เคยโชว์ที่อื่นทั่วไป
ซึ่งหน้าที่ของนักดนตรีแบ็คอัพ คือฟังแล้วแกะรายเพลง ทำการบ้านว่าตนเองจะเล่นอย่างไร ก่อนไปซ้อมรวมกันที่หน้างาน ซึ่งสถานที่ที่เราซ้อมก็คือ Butterfly Studio หรือ Believe Records นั่นเอง
สำหรับมือเพอร์คัสชั่นอย่างกิ๊กเอง ก็ต้องทำการบ้านว่าเพลงเหล่านี้ ต้องใช้เครื่องดนตรีเครื่องไหนเล่นบ้าง ต้องขนเซ็ตยิ่งใหญ่ขนาดไหน และถึงแม้เครื่องนั้นเราจะได้เล่นแค่ท่อนเดียว เราก็ต้องขนไปประกอบเซ็ตอยู่ดี เพื่อความยิ่งใหญ่อลังการ 5555
อีกอย่างคือเป็นความโรคจิตส่วนตัวที่ชอบเสียงจริงของเครื่องดนตรีมากกว่า เสียงที่เครื่องอิเล็คทรอนิกส์เลียนแบบของจริงมา แต่บางซาวนด์เราก็ต้องใช้เสียงอิเล็คทรอนิกส์เหมือนกัน เอ๊อ! ก็เอามันมาทั้งคู่ละกัน 555
งานนี้มีโอกาสได้ร่วมงานกับ ‘พี่เป้-ภิทรู พลชนะ’ อีกครั้ง แกเป็นเหมือนปูชนียบุคคลในตำนาน ผู้แต่งและเรียบเรียงเพลงดังมากมาย เช่น เพลงความลับของ PAUSE แบ็คอัพให้แทบจะทุกคนดังๆ ในประเทศ Palmy, บุรินทร์, ธีร์ ไชยเดช ฯลฯ
เรียกได้ว่าเป็นท็อปไอดอลของเหล่ามือคีย์บอร์ดในประเทศเลยทีเดียว แม้กระทั่งพี่ปรีมือคีย์บอร์ดอีกท่านในงานนี้ ก็ต้องขอถ่ายรูปคู่กับแก
พี่ปรีแกเล่าว่า เวลาเล่นในห้องซ้อมแต่ก่อน สมัยเด็กๆ ก็จะมีการเทิดทูนไอดอลของตัวเอง แซวกัน เฮ้ยๆ เล่นกีต้าร์แบบนี้พี่หมู คาไลโดสโคปมาเองนะเนี่ย ส่วนมือคีย์บอร์ด ต้อง เฮ้ย นี่ภิทรู พลชนะมาเองเลยนะ
ซึ่งพี่เป้เป็นคนมีอายุที่วัยรุ่นมาก ใครได้ร่วมงานกับแกต้องรักแกจริงๆ เพราะให้คำแนะนำอย่างดี ไม่ถือตัว และชอบชวนเล่นอะไรตลกๆ เช่นตอนว่างรอเซ็ตเครื่อง ชวนเด็กๆ อย่างเราเล่นกระต่ายขาเดียว กระโดดเหย็งๆ (มีคุณลุงที่ไหนเขาทำบ้าง! 5555)
Practice makes Perfect
เป็นครั้งแรกในการซ้อมคอนเสิร์ตของกิ๊กเลย ที่ห้องซ้อมมี MyMix ให้เราอยู่แล้ว คือเราสามารถต่อหูฟังอินเอียร์กับ MyMix แล้วเลือกเพิ่มลดเสียงเครื่องดนตรีที่อยากได้ยินใน inEar Monitor ของเราได้เองเลย (ปกติถ้าเครื่องนี้มีไม่พอจำนวนคน เราจะเป็นเครื่องแรกที่เขาบอกให้ไม่ต้องใช้… T-T)
บางทีเวลาขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ก็จะมีให้บนเวที แต่ไม่ใช่ทุกงานจะมี บางงานขอในหูแต่ละคนแยกกันเอง แต่นี่มีให้ใส่ตอนซ้อมด้วยแฮะ เจ๋งมากลุงฟั่น!
ความสนุกคือในวันแรกที่มาซ้อม กิ๊กเพิ่งได้รู้ว่าจะมี ‘พี่สแตมป์-อภิวัช เอื้อถาวรสุข‘ มาเป็นแขกรับเชิญ และจะมาร่วมซ้อมด้วย (ตอนฟังเดโม่ยังไม่รู้ว่าท่อนนี้ใครจะร้อง) มีป๋าเต็ดนั่งดูการซ้อมไปด้วยกันเพื่อเสนอไอเดียต่างๆ แถมช่วงใกล้งานก็จะมี ‘พี่โรส-สิรินทิพย์‘ และ ‘พี่แพรว-คณิตกุล‘ มาเป็นแขกรับเชิญด้วย
เรียกได้ว่าเป็นงานรวมพลทัพอเวนเจอร์จริงๆ ค่ะงานนี้ !
ความรู้สึกตอนพี่สแตมป์เข้าห้องซ้อมมาครั้งแรกคือเขินมาก พี่แกเป็นคนอารมณ์ดี น่ารักทั้งในจอและนอกจอจริงๆ เป็นกันเองสุดๆ ไอ้ที่ซ้อมๆ มาแล้ว พอมาเจอศิลปินร้องจริงก็จะมีเกร็งๆ กันบ้าง แถมมาในเพลง City of Stars จากหนังเรื่อง LA LA LAND เรื่องโปรดอีก [ปล่อยฉันละลายอยู่ตรงนี้คนเดียวเถอะ 5555] และจะมีพาร์ทเต้นแท็ปด้วย
ตอนซ้อมร้องยังไม่เห็นหรอก แต่พี่ลุลาส่งคลิปซ้อมเต้นมาในไลน์กรุ๊ปเป็นระยะ คือ… ขนาดคนเล่นยังอยากลงไปเป็นคนดูเลยอ้ะ เพราะพี่แกซ้อมเต้นกันมาจริงจังมาก
แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยทุกโปรเสส แต่กิ๊กก็เห็นได้ว่าพี่ลุลา แกจริงจังและซ้อมหนักมาก เพราะหลังจากซ้อมดนตรีเสร็จช่วงบ่าย ตอนเย็นแกต้องไปซ้อมเต้นต่อจนดึก บางวันต้องไปฟิตติ้งเพิ่ม บางทีไปออกสื่อ แบบนี้ติดกับทุกวัน ทั้งหมดเพื่อโชว์ครั้งนี้อย่างเดียวเลย
ไม่กี่วันหลังเริ่มซ้อม พี่ลุลาแกก็เอาของขวัญมาเซอร์ไพรส์นักดนตรีแบ็คอัพทุกคน เป็นจดหมายลายมูมินและที่คล้องแว่นที่มีชื่อแต่ละคนพิมพ์อยู่ (พิมพ์ชื่อกิ๊กถูกด้วย! 55555) คือมันน่ารักมาก และเรารู้สึกว่าเขาใส่ใจทั้งความรู้สึกของทุกคนที่ร่วมงานได้และอยากให้มันออกมาดี แม้ปกติเราจะไม่ได้ใส่แว่นแต่เราก็ดีใจมากที่ได้รับของขวัญชิ้นนี้
นอกจากนี้แกยังสั่งสกรีนเสื้อมาให้เราทุกคนด้วย ให้โหวตเลือกสี นักดนตรีทุกคนจะได้มีชุดยูนิฟอร์มใส่ วันดีคืนดีซ้อมอยู่ แกก็บอกว่าจะทำหมอนลายทิกกี้ (แมวของพี่ลุลา) มาเซอร์ไพรส์แจกคนดู
กิ๊กเคยถามพี่ฟั่นว่า “โห พี่ฟั่น งานนี้เค้างบเยอะขนาดนี้เลยหรอ เจ๋งจัง ทำไมดูแบบทำนู่นทำนี่เพิ่มได้หมดแบบชิวๆ เลย“
พี่ฟั่นมองเกรียนๆ แล้วบอกว่า “การที่ศิลปินจะได้มีคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ กิ๊กลองคิดดูสิ พี่เขาต้องรออยู่ในวงการมา 10 ปีเลยนะ บางคนต้องรอนานกว่านี้ด้วยซ้ำถึงจะมีได้ ไม่งั้นก็ต้องมีโอกาสพิเศษอื่นๆ กว่าจะได้มีโอกาส “
“ศิลปินหลายคนก็รอต่อคิวที่จะได้ทำของตัวเองอยู่ กว่าจะมาถึงคิวเขา กว่าจะถึงโอกาสที่เหมาะสมมันก็นาน เขาก็อยากทำมันให้ดีที่สุด และรู้ไหม…ที่เค้าทำนั่นทำนี่มาเพิ่มเนี่ย พี่เค้าออกเงินเองทั้งนั้นนะ“
ซึ่งกิ๊กเองก็รู้สึกว่า เออ… ก็จริงแฮะ คือไม่ใช่ว่าพี่ลุลาแกไม่ดังด้วยนะ แถมเพลงแกก็ฮิต คนร้องได้กันแทบทุกเพลง แต่กว่าจะมาถึงเวลาที่แกได้ขึ้นเวทีของตัวเองจริงๆ ก็ปาเข้าไป 10 ปี แม้เราเป็นแค่หนึ่งในฟันเฟืองของงานนี้ ก็เห็นได้ถึงความตั้งใจที่จะทำงานนี้ออกมาให้ดีที่สุด
พี่ลุลาแกเองก็เล่าในคอนเสิร์ตว่า แรกเริ่มเดิมที ป๋าเต็ดแกจะจัดคอนเสิร์ตเล็กๆ ที่เขาใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ งานนั้นกลายเป็น Big Mountain Music Festival เสียแทน และก็พลาดโอกาสที่จะได้มีคอนเสิร์ตไปเฉยๆ นี่จึงเป็นเหมือนการทวงสัญญาจากป๋าเต็ด ว่าป๋าต้องทำแล้วนะ 5555
1…2…3…SET
ในวัน Set Up เวที กิ๊กก็ได้พบปะกับทีม “GAN (แก่น)” ทีมของป๋าเต็ดซึ่งเชี่ยวงานกันมาก นอกจากนี้ยังมีทีม “Duck Unit” มาเป็นทีมโปรดักชั่นของ Stage และ Lighting กิ๊กในฐานะที่ติดตามผลงานทีมนี้มานาน ไม่ว่าจะ Bodyslam Fest คอนเสิร์ตพี่ฮิวโก้ หรือ Lighting Installation ต่างๆ ในงานแคท ฯลฯ ก็บอกตรงๆ ว่าตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกัน
ความเจ๋งของงานนี้คือ ทุกอย่างบนเวทีล้วนเป็นงานแฮนด์คราฟท์ทั้งหมด ตัว Stage เอง ก็เกิดจากการนำเชือกมาร้อยกับโครงรูปครึ่งวงกลม เป็นวัสดุเรียบง่ายที่ไม่คิดมาก่อนว่าเอามาทำแบบนี้ได้ ทุกส่วนประกอบในโชว์ใช้มือคนทำทั้งหมด ไม่ว่าจะซีเควนซ์ไหนๆ ซึ่งเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของงานครั้งนี้เลยก็ว่าได้
ปกติแล้วก่อนงาน 1-2 วันจะต้องมีการ Run Through ทั้งคอนเสิร์ตที่สถานที่จริง ความน่ารักคือ มีป้ายประกาศจับห้ามพี่ป๊อบแคลอรี่เข้างานด้วย ตลกมาก 55555 ด้วยความที่พี่ๆ แกเป็นคู่กัดในวงการ แต่เอาเข้าจริงพี่ป๊อบแกก็แอบแวะมาเยี่ยมให้กำลังใจพี่ลุลาด้วยนะ มีรูปแกถูกยามหามออกไปด้วย 5555
And… May The Show Begins!
ผู้ชมเริ่มทยอยเข้ามานั่งใน GMM Live House เนื่องจากบัตร Sold Out ทุกที่นั่งจึงถูกเติมเต็มด้วยผู้ชม ก่อนจะมีเสียงปรบมือเกรียวกราวเมื่อเพลงแรกถูกบรรเลงขึ้น เพลง “ห่างไม่ไกล”
เวลาไปงานต่างๆ ทีม Backstage มักจะใส่เสื้อสีดำ เพื่อทำตัวให้ Invisible (ล่องหน) ที่สุดบนเวที เพราะคนควรจะโฟกัสกับศิลปินเต็มที่ พอถึงเวลาแสดงพี่ๆ หนุ่มหน้าหนวดจากทีม “GAN” ทั้งหลาย ก็เนรมิตตัวเองกลายเป็นมนุษย์ชุดหมีสุดฟรุ้งฟริ้ง สาวน้อยแดนเซอร์ทั้งหลาย ก็แปลงกายเป็นมนุษย์ดอกไม้
เนื่องจากคอนเซปต์ของงานนี้คือการแฮนด์คราฟท์ ทุกอย่างจึงเป็นระบบแมนนวลหมด (พี่ลุลาพูดติดตลกว่า เพราะงบไม่พอ 5555) ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเข็นเวทีออกไป เข้าไปตั้งพร็อพใหม่บนเวที หรือแม้กระทั่งเป็นพร็อพประดับเวที ก็จะเห็นทีมแบ็คสเตจในชุดสะท้อนแสงหรือแดนเซอร์ดอกไม้เหล่านี้ทำหมด ซึ่งเป็นการคิดมุมกลับที่น่ารักมาก 5555
โชว์จากพี่สแตมป์เรียกทั้งเสียงฮือและฮาจากผู้ชมได้เป็นอย่างดีจริงๆ การเต้นแท็ปของทั้งคู่น่าประทับใจสุดๆ ต่อด้วยเพลงภาษาอังกฤษของพี่สแตมป์ “The Devil” ระหว่างรอพี่ลุลาเปลี่ยนชุด นี่ก็เป็นปลื้มเหลือเกินที่ได้เล่นเพลงพี่สแตมป์ด้วย ดีใจที่พี่สแตมป์จะบุกสู่ตลาดเพลงที่ใหญ่ขึ้น ขอให้โชคดีนะคะ ^^
ทีมนักศึกษาจากคณะศิลปกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็มาร่วมออกแบบโชว์นิทานเงาประกอบเพลงเสริมมิติให้กับโชว์ด้วย
มีช่วงหนึ่งของโชว์ที่พี่ลุลา และพี่แพรว คณิตกุล ใส่ชุดสูทออกมาพร้อมพี่โรส พี่ๆ แกบอกว่าเพราะพี่โรสไม่ยอมใส่กระโปรง ทุกคนเลยต้องใส่สูทออกมาจีบสาวแทน และในระหว่างโชว์นั้น ก็มีการเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานของผู้ชมที่แอบส่งข้อความมาหาพี่ลุลาล่วงหน้า ถือเป็นความประทับใจน่ารักๆ อย่างหนึ่งที่สร้างความอบอุ่นให้คนในฮอลล์
Guest อีกวงที่มาร่วมก็คือ “คณะมโหรีดนตรีสกา The Superglasses Ska Ensemble” ซึ่งขึ้นชื่อในความสนุกอยู่แล้ว แด๊นซ์บนเวทีก็มันส์อยู่แล้ว พี่แม็กซ์-อาสนัย Front man ของวงก็ชวนกิ๊กไปร่วมวงเดินขบวนท่ามกลางคนดูด้วยอย่างสนุกสนาน ถือเป็นคอนเสิร์ตที่ครบรสมากๆ
เพลง “เรื่องมหัศจรรย์” เป็นเพลง Cover เพลงหนึ่งซึ่งถูกบรรเลงในช่วงท้ายโชว์ เพลงนี้เป็นเพลงของวงโซฟา ซึ่งพี่ลุลาแกหยิบมาร้องเพราะพี่โตน โซฟา โปรดิวเซอร์คู่ใจที่เป็นคนที่ทำให้มีลุลาในวันนี้ อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมากๆ เป็นเหมือนพี่ชายที่สนิทกันสุดๆ
บ่อยครั้งเวลาซ้อม เวลาถึงเพลงนี้ พี่ลุลามักจะร้องด้วยเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ จนมีวันนึงเผลอร้องไห้ออกมาเลยด้วยซ้ำ เหตุเพราะเพลงเวลาแกร้องเพลงแกจะคิดถึงพี่แกมากๆ ซึ่งตอนนี้แกบวชมา 3 ปีแล้ว และในวันนี้ แกเองก็มาไม่ได้ แต่พี่ลุลาก็ขอร้องเพื่อส่งความคิดถึงกลับไป
Never Ending Happiness
โชว์จบลง ผู้ชมบางส่วนทยอยออก แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่ไม่ออกไปไหน มายืนออหน้าเวที เพื่อขอให้พี่ลุลาแกร้องต่อ เราเห็นแล้วยังตื้นตันใจแทน คิดว่าผู้ชมทุกคนรู้สึกได้ถึงความตั้งใจจริงของพี่ลุลาในครั้งนี้ พี่ลุลาแกก็ร้องเพลงต่อให้แฟนคลับสดๆ แบบไม่มีซ้อม ไม่มีสคริปต์
เป็นอะไรที่จริงใจมาก ทั้งศิลปินและแฟนคลับ เราดูเองก็ยังอดปลื้มใจแทนไม่ได้จริงๆ ค่ะ
สรุปว่า จากที่เป็นแค่นักดนตรีแบ็คอัพ กิ๊กกลับอินไปกับเรื่องราวระหว่างทางเหล่านี้มากๆ เฉยเลยค่ะ สำหรับผู้ที่พลาดชมในวันจริง ตอนนี้มี DVD คอนเสิร์ตออกมาจำหน่ายแล้วก็อย่าพลาด รีบจับจองก่อนจะ Sold Out เหมือนโชว์นะคะ เราว่าคุณจะเห็นความตั้งใจเต็มเปี่ยมของผู้หญิงคนนี้บรรจุอยู่เต็มแผ่นแน่นอน 🙂