1…2…3…4…ตึ่ง ตะตึ่ง ตึ่ง!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กิ๊กได้มีโอกาสไปร่วมงาน Drum Circle ที่โรงแรม Zenith Sukhumvit จัดโดยทีมงานจากร้านย่งเส็ง หนึ่งในร้านขายเพอร์คัสชั่นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยมีคุณ John Fitzgerald ซึ่งเป็น Endorser จากแบรนด์ REMO เป็นคนนำ Drum Circle
ตอนแรกทางทีมผู้จัดกะจะจัดให้เป็น Drum Circle Party แต่ด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่สร้างความเสียใจให้คนไทยทั้งประเทศเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้ต้องเปลี่ยนรูปแบบจาก Party กลายเป็น Workshop บำบัดความทุกข์แทน
เพราะด้วยอารมณ์ในตอนนั้น คงไม่มีใครเฮฮา ร้องร่ำทำเพลงสนุกสนานไปกับเสียงกลองได้แน่ๆ
งานเริ่มประมาณ 9 โมงครึ่ง ค่าร่วมงานประมาณ 1,000 บาท กิ๊กไปสายเล็กน้อย ตรงทางเข้ามีชุดเพอร์คัสชั่นน่ารักๆ ให้เลือกกลับบ้านไปคนละเซ็ต ยังไม่ทันจะเข้าห้องก็ได้ยินเสียงอึกทึกมาจากข้างใน
เปิดประตูเข้าไปก็พบคนประมาณ 40 กว่าคน นั่งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 2 วง กำลังตีเพอร์คัสชั่นกันอยู่ ภายใต้แสงไฟสลัวๆ ของห้องบอลรูม ทุกคนสวมชุดดำ กำลังนั่งง่วนกับเครื่องดนตรีตรงหน้า บางคนเล่นเครื่องเล็ก บางคนเล่นเครื่องใหญ่ เรารีบเข้าไปแจมอย่างไม่รอช้า
เป็นภาพที่แปลกตาไม่เบา นี่ไม่ใช่ Drum Circle แรกที่กิ๊กเคยไป ปกติเราจะเห็นคนนั่งล้อมเล่นกันเป็นวงสนุกสนาน เต้นเร้าไปมา โซโล่โต้ตอบคุยกันเสียงแหลมเย้วๆ แต่ที่อยู่ตรงหน้านี้ใบหน้าของทุกคนเรียบนิ่งไปกับเสียงจังหวะมีเดียมค่อยเป็นค่อยไปและเสียงต่ำๆ ของ Bass Drum จนน่าแปลกใจ
The Mourning Drum Circle
คุณ John ถามทุกคนว่ารู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้เล่นเมื่อสักครู่ ส่วนใหญ่ตอบว่า “ผ่อนคลาย” “สงบ” เหย… กิ๊กไม่เคยเห็นที่ไหนที่คนไปตีกลองโซโล่ใส่กันแล้วบอกว่ารู้สึกสงบเลยนะ ออกจะงงนิดๆ นี่เกิดไรขึ้นฟระ?
ทุกอย่างมาเฉลยเอาก่อนที่เราจะเริ่ม Session ต่อไปกัน คุณ John ให้เราสลับเครื่องดนตรีกับคนข้างๆ และบอกให้ทุกคนหลับตาและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงเป็นเวลา 2 นาที ทุกคนนั่งกันสงบนิ่งจนเราได้ยินเสียงคนสะอื้นไห้จากอีกฝั่งฟากของวงกลม และแล้วเสียง Bass Drum ก็ดังขึ้น
ตู่ม ตู่ม ตู่ม…
รอบนี้สำหรับกิ๊กความรู้สึกช่างต่างจากรอบแรก ทุกตัวโน๊ตแลดูมีความหมายขึ้นมา เราใส่ความรู้สึกเศร้าที่อัดอั้นลงไปกับมัน เราไม่ได้เล่นจังหวะเร็วๆ เหมือนที่เคยเล่นในงานอื่นๆ Drum Circle เป็นไปอย่างเรียบง่ายในบีทช้าๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก ผิวกายเราชื้นเหงื่อเบาๆ อย่างประหลาด
รอบนี้เมื่อคุณ John ถาม เราเป็นหนึ่งในคนที่ตอบว่ามันรู้สึก “ปลดปล่อย” และ “ผ่อนคลาย” เหมือนได้แบ่งปันความเศร้าร่วมไปกับคนในวงทั้งหมด
หลังจากได้พบปะพูดคุยกับคนในคลาส ก็พบว่าคนส่วนใหญ่ที่มาไม่ใช่มือกลองหรือมือเพอร์คัสชั่น แต่กลับเป็นนักบำบัดซะแทบทั้งห้อง มีเพอร์นับหัวได้ประมาณ 4-5 คนเท่านั้น (อ่าว…)
พี่โอเล่ มือเพอร์ลูกค้าประจำย่งเส็ง – กิ๊กเอง – พี่ลี่ ทีมงานย่งเส็ง – พี่โจมือเพอร์วงสหายแห่งสายลม
หนึ่งในนั้นมีฝรั่งคนหนึ่งที่ทำ Drum Circle อยู่ที่ภูเก็ต แต่บินมากรุงเทพเพื่อจะเรียนรู้หลักการทำ Drum Circle ไปใช้กับทีมที่ภูเก็ตของเขา โคตรหล่อเลย (5555 ยังไงน่ะนังกิ๊ก)
คุณ John บอกว่าเราเกิดมาพร้อมจังหวะ ไม่ว่าจะเด็กเล็กแค่ไหน เรามีจังหวะการเต้นของหัวใจ จังหวะการเดิน จังหวะการหายใจ อยู่ในทุกช่วงชีวิต หลักใหญ่ๆ ของ Drum Circle ไม่ยาก มีอยู่ 4 อย่าง
ไม่ “เสียงสูง” ก็ “เสียงต่ำ”
ไม่ “เร็ว” ก็ “ช้า”
ไม่ “ดัง” ก็ “เบา”
ไม่ “มีเสียง” ก็ “เงียบงัน”
อนึ่ง ความเงียบนั้นก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของเสียงดนตรีเหมือนกัน
ศาสตร์ของการทำ Drum circle ไม่ได้มีไว้เพื่อแค่ความสนุก แต่ยังให้อะไรหลายๆ อย่างกับเราด้วย บริษัทดังๆ หลายแห่งในอเมริกาให้เขาเข้าไปทำ Workshop เพื่อสร้างความสัมพันธ์ของพนักงานและช่วยบิวท์ทีมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
คุณ John บอกว่า เราสามารถบ่งบอกได้ว่าใครเป็นผู้นำหรือผู้ตามจากการเล่นและการเลือกเครื่องดนตรีของเขา คนที่มีความกล้า ความมั่นใจ จะเลือกเครื่องเพอร์คัสชั่นชิ้นใหญ่ๆ แต่บางคนที่ต้องการความปลอดภัยหน่อย ก็จะเลือกเครื่องเล็กๆ อย่าง Shaker (ไข่เขย่า) หรือ Tambourine (แทมโบรีน)
การทำ Drum Circle ต้องอาศัยประสบการณ์ เขาบอกว่าถ้าทำให้เด็กๆ เล่น อาจจะเล่นกันยาว 20-25 นาทีแล้วพัก แต่ถ้าทำให้ผู้ใหญ่เล่นต้องดูระดับก่อน ถ้าเป็น CEO อาจได้แค่ 5 นาที (หัวเราะ) ใช่ที่ไหนล่ะ… อาจทำได้ถึง 1 ชั่วโมง…!
สำหรับเด็กพิเศษ การนำ Drum Circle ไปบำบัด จะช่วยเรื่องการโฟกัสกับพวกเขาได้ เด็กที่พิการทางด้านต่างๆ ก็สามารถบำบัดไปด้วยเสียงและการแสดงออกด้วยวิธีนี้ได้เช่นกัน
แต่การทำ Drum Circle ทุกครั้งแตกต่างกัน เพราะคนในวงต่างกัน สถานการณ์ความสัมพันธ์แตกต่างกัน อีกทั้งจุดมุ่งหมายในการทำก็แตกต่างกัน ดังนั้นต้องอาศัยประสบการณ์สูง ทุกครั้งที่เขาทำจึงจะไม่มีสคริปต์ ต้องอาศัยการสังเกตคนในวงอย่างมาก
คุณ John แนะนำเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น พวกเราแจมกันรอบวง ตีโต้ตอบกันทีละฝ่ายอย่างเรียบง่าย ระบายความทุกข์กันไปมาอีกสัก 2 Sessions Drum Circle ในวันนี้ก็จบลง
เครื่องดนตรีจากย่งเส็ง
พี่ลี่ ทีมผู้จัดงานจากย่งเส็งบอกว่า ทางทีมงานลำบากใจมากเรื่องการจัดงานครั้งนี้ เลื่อนก็ลำบากเพราะคุณ John เองก็เดินทางมาถึงแล้ว โชคดีที่คุณ John บอกว่าเขาเคยทำดนตรีบำบัดความทุกข์ ความโศกเศร้ามาก่อน จึงเปลี่ยนจาก Drum Circle Party เป็น Mourning Drum Circle
แต่ครั้งนี้อาจจะยากเสียหน่อย เพราะทุกข์จากการสูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักของคนทั้งประเทศ เป็นทุกข์ที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน และสิ่งที่เขาได้เห็นวันนี้ ก็พิสูจน์ได้ชัดว่าคนไทยรักในหลวงมากๆ
นั่นทำให้เขารู้สึกได้ว่าพระมหากษัตริย์ของชาติเราคงสรรค์สร้างอะไรไว้ให้กับประเทศชาติมากมาย คนไทยถึงได้รักพระองค์ท่านถึงเพียงนี้
Drum Circle ครั้งนี้แตกต่างจากหลายๆ ครั้งที่เคยไป แต่ก็ให้อะไรที่แตกต่างกับกิ๊กกลับมา แม้เราจะเดินเข้ามาในงานพร้อมความเศร้า แต่กลับถูกเสียงดนตรีเสียงกลองช่วยบำบัดความรู้สึกหนักๆ ออกไป
อีกอย่างการได้เล่นดนตรีด้วยกัน ก็ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่ในวงกลองนี้ไปอย่างง่ายดาย ได้ปลดเปลื้องความทุกข์ผ่านเสียงกลองร่วมกับคนอื่นๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มาก
ขอบคุณทีมงานย่งเส็งและคุณ John Fitzgerald มากค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้จัดงานดีๆ อย่างนี้ต่อไปนะคะ ?
ถ่ายคู่กันซักหน่อย ^^
เอ้า!
1…2…3…4…
ตึ่ง!
ถวายความอาลัย
ผ่านเสียงกลอง
โดย ฟูฟู